วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วัดไผ่ล้อม




  1. วัดไผ่ล้อม เกาะเกร็ด นนทบุรี

    วัดไผ่ล้อม เป็นชื่อสามัญที่มีความพ้องกันหลายวัดหลายสถานที่ แต่ที่จะกล่าวถึงในส่วนนี้คือวัดไผ่ล้อมซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ประวัติความเป็นมาบ้างว่าสร้างตั้งแต่ครั้งสมัยอยุธยาตอนปลาย บ้างก็ว่าสร้างในครั้งสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี

    พระอุโบสถวัดไผ่ล้อม เกาะเกร็ด   พระอุโบสถวัดไผ่ล้อม เกาะเกร็ด

    พระอุโบสถ สร้างจนแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2318 โดยพระยาเจ่ง ต้นตระกูลคชเสนีย์ ผู้คุมไพร่พลกองมอญที่เข้ามาอาศัยพึงพระบรมโพธิสมภารและให้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในจังหวัดนนทบุรีขึ้นไปถึงอำเภอสามโคกจังหวัดปทุมธานี หน้าบันพระอุโบสถจำหลักลวดลายดอกไม้ มีคันทวยและหัวเสาที่งดงาม

        

        

    เจดีย์ฐานย่อมุมไม้สิบสองหน้าพระอุโบสถวัดไผ่ล้อม   

        

    เสาหงส์ การสร้างเสาหงส์เป็นส่งที่พบเห็นได้ทั่วไปสำหรับวัดมอญในประเทศไทย ตามคติความเชื่อทางหนึ่งกล่าวว่า หงส์เป็นสัตว์สัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์และภูมิธรรมอันสูงและระลึกถึงพระพุทธเจ้าด้วยในอดีตชาติพระองค์เคยเสวยพระชาติเป็นพญาหงส์

    อีกทางหนึ่งกล่าวว่าเป็นการรำลึกถึงเมืองหงสาวดี เมืองหลวงของอาณาจักรมอญเมื่อครั้งอดีตซึ่งตามตำนานกล่าวว่าภายหลังพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ได้เสด็จจาริกมาถึงภูเขาสุทัศนมรังสิต ทอดพระเนตรท้องทะเลบริเวณดังกล่าวพบหงส์สองตัวกำลังเล่นน้ำ พระองค์ทรงทำนายว่าบริเวณดังกล่าวจะเป็นมหานครและแหล่งเจริญทางพระพุทธศาสนาในภายภาคหน้า

    ศาลาที่พักนักท่องเที่ยว วัดไผ่ล้อม เกาะเกร็ด   ศาลาท่าน้ำวัดไผ่ล้อม เกาะเกร็ด

    ศาลาท่าน้ำและศาลาที่พักนักท่องเที่ยวหน้าวัดไผ่ล้อม เกาะเกร็ด จุดผักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยว

1 ความคิดเห็น:

  1. อริยสัจ หรือจตุราริยสัจ หรืออริยสัจ 4 เป็นหลักคำสอนหนึ่งของพระโคตมพุทธเจ้า แปลว่า ความจริงอันประเสริฐ ความจริงของพระอริยะ หรือความจริงที่ทำให้ผู้เข้าถึงกลายเป็นอริยะ มีอยู่สี่ประการ คือ

    1. ทุกข์ คือ สภาพที่ทนได้ยาก ภาวะที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ สภาพที่บีบคั้น ได้แก่ ชาติ (การเกิด) ชรา (การแก่ การเก่า) มรณะ (การตาย การสลายไป การสูญสิ้น) การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก การปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่สมหวังในสิ่งนั้น กล่าวโดยย่อ ทุกข์ก็คืออุปาทานขันธ์ หรือขันธ์ 5

    2. ทุกขสมุทัย คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ได้แก่ ตัณหา 3 คือ กามตัณหา-ความทะยานอยากในกาม ความอยากได้ทางกามารมณ์, ภวตัณหา-ความทะยานอยากในภพ ความอยากเป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วยภวทิฏฐิหรือสัสสตทิฏฐิ และ วิภวตัณหา-ความทะยานอยากในความปราศจากภพ ความอยากไม่เป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วยวิภวทิฏฐิหรืออุจเฉททิฏฐิ

    3. ทุกขนิโรธ คือ ความดับทุกข์ ได้แก่ ดับสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ กล่าวคือ ดับตัณหาทั้ง 3 ได้อย่างสิ้นเชิง

    4. ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา คือ แนวปฏิบัติที่นำไปสู่หรือนำไปถึงความดับทุกข์ ได้แก่ มรรคอันมีองค์ประกอบอยู่แปดประการ คือ 1. สัมมาทิฏฐิ-ความเห็นชอบ 2. สัมมาสังกัปปะ-ความดำริชอบ 3. สัมมาวาจา-เจรจาชอบ 4. สัมมากัมมันตะ-ทำการงานชอบ 5. สัมมาอาชีวะ-เลี้ยงชีพชอบ 6. สัมมาวายามะ-พยายามชอบ 7. สัมมาสติ-ระลึกชอบ และ 8. สัมมาสมาธิ-ตั้งใจชอบ ซึ่งรวมเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "มัชฌิมาปฏิปทา" หรือทางสายกลาง

    มรรคมีองค์แปดนี้สรุปลงในไตรสิกขา ได้ดังนี้ 1. อธิสีลสิกขา ได้แก่ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ 2. อธิจิตสิกขา ได้แก่ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ และ 3. อธิปัญญาสิกขา ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ และสัมมาสังกัปปะ

    อริยสัจ 4 นี้ เรียกสั้น ๆ ว่า ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค

    [แก้] กิจในอริยสัจ 4กิจในอริยสัจ คือสิ่งที่ต้องทำต่ออริยสัจ 4 แต่ละข้อ ได้แก่

    1.ปริญญา - ทุกข์ ควรรู้ คือการทำความเข้าใจปัญหาหรือสภาวะที่เป็นทุกข์อย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง เป็นการเผชิญหน้ากับปัญหา
    2.ปหานะ - สมุทัย ควรละ คือการกำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ เป็นการแก้ปัญหาที่เหตุต้นตอ
    3.สัจฉิกิริยา - นิโรธ ควรทำให้แจ้ง คือการเข้าถึงภาวะดับทุกข์ หมายถึงภาวะที่ไร้ปัญหาซึ่งเป็นจุดมุ่งหมาย
    4.ภาวนา - มรรค ควรเจริญ คือการฝึกอบรมปฏิบัติตามทางเพื่อให้ถึงความดับแห่งทุกข์ หมายถึงวิธีการหรือทางที่จะนำไปสู่จุดหมายที่ไร้ปัญหา
    กิจทั้งสี่นี้จะต้องปฏิบัติให้ตรงกับมรรคแต่ละข้อให้ถูกต้อง การรู้จักกิจในอริยสัจนี้เรียกว่ากิจญาณ

    กิจญาณเป็นส่วนหนึ่งของญาณ 3 หรือญาณทัสสนะ (สัจญาณ, กิจญาณ, กตญาณ) ซึ่งหมายถึงการหยั่งรู้ครบสามรอบ ญาณทั้งสามเมื่อเข้าคู่กับกิจในอริยสัจทั้งสี่จึงได้เป็นญาณทัสนะมีอาการ 12 ดังนี้

    1.สัจญาณ หยั่งรู้ความจริงสี่ประการว่า
    1.นี่คือทุกข์
    2.นี่คือเหตุแห่งทุกข์
    3.นี่คือความดับทุกข์
    4.นี่คือทางแห่งความดับทุกข์
    2.กิจญาณ หยั่งรู้หน้าที่ต่ออริยสัจว่า
    1.ทุกข์ควรรู้
    2.เหตุแห่งทุกข์ควรละ
    3.ความดับทุกข์ควรทำให้ประจักษ์แจ้ง
    4.ทางแห่งความดับทุกข์ควรฝึกหัดให้เจริญขึ้น
    3.กตญาณ หยั่งรู้ว่าได้ทำกิจที่ควรทำได้เสร็จสิ้นแล้ว
    1.ทุกข์ได้กำหนดรู้แล้ว
    2.เหตุแห่งทุกข์ได้ละแล้ว
    3.ความดับทุกข์ได้ประจักษ์แจ้งแล้ว
    4.ทางแห่งความดับทุกข์ได้ปฏิบัติแล้ว

    ตอบลบ